กันยายน 7, 2020 In คำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2560-ไม่ถือเป็นความลับทางการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2560
กองผู้ช่วยฯ
	คู่กรณี
โจทก์
        บริษัท ซิดาร์ เฟรท แอนด์ เทอร์มินัล จำกัด
จำเลย
        ห้างหุ้นส่วนจำกัด โชคอนันต์ ทรานส์ เซอร์วิส กับพวก
-
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง	
	พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 
	มาตรา 3
-
ข้อมูลย่อ
	พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3 บัญญัตินิยามของความลับ
ทางการค้าว่า "ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไป หรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล
ซึ่งโดยปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในเชิง
พาณิชย์เนื่องจากเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้
มาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาไว้เป็นความลับ" โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าข้อมูลเกี่ยว
กับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้อง ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นความลับทาง
การค้า มีลักษณะครบถ้วนที่จะเป็นความลับทางการค้าตามที่มาตรา 3 ดังกล่าว
กำหนดไว้ การที่พนักงานบริษัทโจทก์คนอื่นนอกเหนือจากจำเลยที่ 2 สามารถเข้าถึง
ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งทั้งที่เป็นเอกสาร และเป็นข้อมูลใน
เครื่องคอมพิวเตอร์แสดงว่าโจทก์ไม่ได้ใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาข้อมูลดังกล่าว
ไว้เป็นความลับ ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้องโจทก์ จึงไม่
ใช่ความลับทางการค้า ตาม พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3
-
รายละเอียด
    	พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3 บัญญัตินิยามของความลับ
ทางการค้าว่า "ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไป หรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล
ซึ่งโดยปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในเชิง
พาณิชย์เนื่องจากเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้
มาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาไว้เป็นความลับ" โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าข้อมูลเกี่ยว
กับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้อง ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นความลับทาง
การค้า มีลักษณะครบถ้วนที่จะเป็นความลับทางการค้าตามที่มาตรา 3 ดังกล่าว
กำหนดไว้ การที่พนักงานบริษัทโจทก์คนอื่นนอกเหนือจากจำเลยที่ 2 สามารถเข้าถึง
ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งทั้งที่เป็นเอกสาร และเป็นข้อมูลใน
เครื่องคอมพิวเตอร์แสดงว่าโจทก์ไม่ได้ใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาข้อมูลดังกล่าว
ไว้เป็นความลับ ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้องโจทก์ จึงไม่
ใช่ความลับทางการค้า ตาม พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3
    	โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 
1,851,300 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน
ดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น และให้จำเลยทั้ง
สองร่วมกันคืนเงินผลประโยชน์ที่จำเลยทั้งสองได้รับจากการละเมิดสิทธิความลับทาง
การค้าของโจทก์ในปี 2555 เป็นเงินจำนวน 1,010,000 บาท ให้แก่โจทก์
	จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
    	ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง 
ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
    	โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
    	ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า 
ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภท
บริษัทจำกัด มีนายชะเลงศักดิ์ และนางรัตนาวดี เป็นกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจกระทำ
การแทนโจทก์ โจทก์ประกอบการขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมทั้งรับบริการนำ
ของออกจากท่าเรือตามพิธีศุลกากรและการจัดระวางการขนส่งทุกชนิด ตามหนังสือ
รับรองเอกสาร และสำเนาหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล จำเลยที่ 1 
เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 โดยมี
จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 2 เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับนาย
ชะเลงศักดิ์ และเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทโจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 
จำเลยที่ 2 ลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัทโจทก์ จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการ
ประเภทเดียวกับโจทก์ และรับจ้างบริษัทฟูดเบลสซิ่ง (1998) จำกัด บริษัทเอส.เค.ฟู้ดส์ 
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) บริษัทอุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมือง จำกัด 
และบริษัทลัคกี้ แคนเนอรี่ จำกัด ซึ่งเคยเป็นลูกค้าบริษัทโจทก์
    	มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ
 ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้อง เป็นความลับทางการค้าหรือไม่ เห็นว่า พระราช
บัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3 บัญญัตินิยามของความลับทางการค้า
ว่า "ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไป หรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคลซึ่งโดย
ปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
เนื่องจากเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้มาตรการที่
เหมาะสมเพื่อรักษาไว้เป็นความลับ" โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่
อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้อง มีลักษณะครบถ้วนที่จะเป็นความลับทางการค้า
ตามที่มาตรา 3 ดังกล่าวกำหนดไว้ ซึ่งโจทก์มีนางรัตนาวดี กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท
โจทก์เบิกความประกอบบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นของพยานว่า 
ในการติดต่อกับลูกค้าแต่ละรายเพื่อให้ว่าจ้างโจทก์ โจทก์โดยกรรมการบริษัทต้องใช้
ความรู้ความสามารถในการเจรจาเสนอเงื่อนไขจนเป็นที่พอใจของลูกค้าแต่ละรายและ
ว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งตู้บรรจุสินค้าของลูกค้าเป็นประจำ โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับ
เรื่องราคาค่าจ้าง เมื่อโจทก์กับลูกค้าตกลงหรือทำสัญญาว่าจ้างกันแล้ว พยานจะนำ
ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อลูกค้า ที่อยู่ และราคาขนส่งที่ได้ตกลงกับลูกค้าแต่ละรายส่งให้
จำเลยที่ 2 เพื่อบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ เสร็จแล้วจำเลยที่ 2 จะต้องนำเอกสารที่
ได้บันทีกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์แล้วมาส่งมอบให้พยานนำไปเก็บรักษาในที่ทำงาน
ของพยาน พยานมอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ควบคุมดูแลข้อมูลของลูกค้าที่บันทึกลง
ในคอมพิวเตอร์แต่เพียงผู้เดียว แม้แต่กรรมการบริษัทโจทก์หรือพนักงานคนอื่นก็ไม่
ทราบรหัสผ่านเพื่อเปิดใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อพิจารณาคำเบิกความดังกล่าวแล้วได้ความ
เพียงว่ามาตรการที่โจทก์ใช้เพื่อรักษาข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อลูกค้า ที่อยู่ และราคาค่า
จ้างขนส่งคือมอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดเก็บข้อมูลดังกล่าวโดยใช้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่มีรหัสผ่านเป็นอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูล และไม่ปรากฏว่าโจทก์มี
มาตรการอื่นใดนอกเหนือจากนี้ เช่น ข้อกำหนดภายในบริษัทเกี่ยวกับการจำแนก
ข้อมูลที่เป็นความลับและวิธีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว การทำเครื่องหมายในเอกสาร
เพื่อแสดงว่าเอกสารนั้นเป็นเอกสารลับ หรือการทำสัญญาว่าจ้างพนักงานที่มีข้อตกลง
ห้ามพนักงานที่ลาออกใช้ความลับของบริษัท เป็นต้น ข้อเท็จจริงกลับได้ความจากนาง
รัตนาวดีตอบคำถามค้านและคำถามติงว่า หลังจากจำเลยที่ 2 บันทึกข้อมูลแล้วจะมี
การพิมพ์ใบเสนอราคาซึ่งจะปรากฏราคาค่าขนส่งที่ตกลงไว้กับลูกค้าแต่ละรายมาเป็น
เอกสารเพื่อจัดส่งให้แก่ลูกค้า และมีสำเนาเอกสารเก็บไว้ในแฟ้มเอกสารโดยเก็บไว้ที่
ฝ่ายบัญชีคือจำเลยที่ 2 โดยปกติใบเสนอราคาย่อมปรากฏชื่อและที่อยู่ของลูกค้า กับ
จำนวนเงินที่ลูกค้าต้องชำระแก่โจทก์ ดังนั้นใบเสนอราคาจึงแสดงถึงข้อมูลชื่อลูกค้า ที่
อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่งอันเป็นข้อมูลที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้อง การที่โจทก์กำหนด
ให้มีการพิมพ์ใบเสนอราคา และจัดเก็บสำเนาใบเสนอราคาในแฟ้มเอกสารโดยไม่ได้
กำหนดมาตรการที่จะป้องกันหรือเก็บรักษาเอกสารดังกล่าวไว้เป็นความลับ ทำให้
ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างเดียว อีกทั้งทำให้ข้อมูลนั้นมีลักษณะ
เปิดเผยและพนักงานอื่นนอกจากจำเลยที่ 2 สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ซึ่งปรากฏ
จากคำเบิกความของนางสาวสุพรรษา พยานจำเลยทั้งสองซึ่งเคยเป็นพนักงานบริษัท
โจทก์ในตำแหน่งผู้ช่วยธุรการบัญชีว่า ใบวางบิลหรือใบเสนอราคาเก็บอยู่ในแฟ้ม
เอกสารซึ่งเก็บไว้ในตู้ข้างโต๊ะทำงานของนางรัตนาวดี พนักงานทุกคนในบริษัท
สามารถดูเอกสารในแฟ้มดังกล่าวได้ โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานหักล้างคำเบิกความของ
นางสาวสุพรรษาเกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษาสำเนาใบเสนอราคาดังกล่าวให้เห็นเป็น
อย่างอื่น จึงต้องฟังว่าพนักงานบริษัทโจทก์ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ 
ประกอบกับในส่วนข้อมูลที่จัดเก็บโดยบันทึกลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จำเลยทั้งสอง
มีจำเลยที่ 2 เบิกความประกอบบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นของ
พยานว่า พยานจดรหัสผ่านไว้บนกระดาษโน้ตสีฟ้าซึ่งมีกาวที่หัวกระดาษขนาด
ประมาณ 1 นิ้ว คูณ 2 นิ้ว และปิดไว้ที่หน้าคอมพิวเตอร์ มีพยานและนางสาวสุพรรษารู้ 
หากพยานไม่อยู่ นางสาวสุพรรษาสามารถทำแทนได้ และจำเลยทั้งสองยังมีนางสาวสุ
พรรษามาเบิกความเป็นพยานทำนองเดียวกันว่า รหัสผ่านในการใช้งานเครื่อง
คอมพิวเตอร์ของจำเลยที่ 2 อยู่บนกระดาษติดไว้ที่มุมขวาของจอคอมพิวเตอร์ ส่วน
นางรัตนาวดีและนายชะเลงศักดิ์ กรรมการบริษัทผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เบิก
ความตอบทนายจำเลยทั้งสองถามค้านว่า ไม่มีการปิดข้อความว่า "*54321 KING" ซึ่ง
เป็นรหัสผ่านที่ผนังห้องที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ของจำเลยที่ 2 เห็นว่า หน้าที่หลักของ
นางรัตนาวดีคือโทรศัพท์ติดต่อกับลูกค้า ส่วนนายชะเลงศักดิ์มีหน้าที่ควบคุมรถที่ใช้ใน
การขนส่ง ทั้งสองคนไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับงานด้านบัญชีและการเงิน ส่วนนางสาวสุ
พรรษาแม้ทำงานที่บริษัทโจทก์ในระยะเวลาสั้นแต่ทำหน้าที่ด้านบัญชีการเงินเช่น
เดียวกับจำเลยที่ 2 และเป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 2 จึงมีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องรู้รหัส
ผ่านเพื่อใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้นางสาวสุพรรษาเป็นพยานคนกลาง ไม่
มีสาเหตุขัดแย้งกับโจทก์ อีกทั้งไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายใด คำเบิก
ความจึงน่าเชื่อถือ เมื่อคำเบิกความของนางสาวสุพรรษาสอดคล้องกับจำเลยที่ 2 
พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองมีน้ำหนักและเหตุผลดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ 
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่ามีการติดรหัสผ่านที่หน้าจอ
คอมพิวเตอร์จริง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้พนักงานอื่นนอกจากจำเลยที่ 2 สามารถ
เข้าถึงข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวได้ การที่พนักงานบริษัทโจทก์คนอื่นนอก
เหนือจากจำเลยที่ 2 สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่อยู่ และราคาค่าจ้างขนส่ง
ทั้งที่เป็นเอกสาร และเป็นข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์แสดงว่าโจทก์ไม่ได้ใช้มาตรการที่
เหมาะสมเพื่อรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นความลับ ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อ ที่อยู่ และ
ราคาค่าจ้างขนส่งตามฟ้องโจทก์ จึงไม่ใช่ความลับทางการค้า ตามพระราชบัญญัติ
ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3 อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำ
ต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ข้ออื่นอีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาล
ทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาล
ฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย
    	พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
-       
(ไมตรี ศรีอรุณ-ปริญญา ดีผดุง-ไมตรี สุเทพากุล)
องค์คณะผู้ตัดสิน

Leave a Reply