กันยายน 7, 2020 In พระราชบัญญัติ

พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. 2545update2558

พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. 2545update2-2558
-
	พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ 
ให้ประกาศว่า
	โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยความลับทางการค้า
	พระราชบัญญัติ นี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 มาตรา 35 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
	จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา  ดังต่อไปนี้
-
	มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  “พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. 2545”

	มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราช
กิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

	มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
	“ความลับทางการค้า”  หมายความว่า  ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไป  หรือยังเข้า
ถึงไม่ได้ในหมู่บุคคลซึ่งโดยปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว  โดยเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ใน
เชิงพาณิชย์เนื่องจากการเป็นความลับ  และเป็นข้อมูลที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้มาตร
การที่เหมาะสมเพื่อรักษาไว้เป็นความลับ
	“ข้อมูลการค้า”  หมายความว่า  สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้ข้อความ เรื่องราว ข้อเท็จจริง หรือ
สิ่งใดไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะผ่านวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะจัดทำไว้ในรูปใด ๆ และให้หมายความ
รวมถึงสูตรรูปแบบ  งานที่ได้รวบรวมหรือประกอบขึ้น โปรแกรม วิธีการ เทคนิค หรือกรรมวิธีด้วย
	“ผลิต”  หมายความว่า  ทำ ผสม ปรุงหรือแปรสภาพ  และให้หมายความรวมถึงเปลี่ยนรูป
หรือแบ่งบรรจุด้วย
	“ขาย”   หมายความว่า จำหน่าย จ่ายแจก หรือแลกเปลี่ยน เพื่อประโยชน์ในทางการค้า และ
ให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วย
	“ยา”  หมายความว่า ยาตามกฎหมายว่าด้วยยา
	“เคมีภัณฑ์ทางการเกษตร”  หมายความว่า  เคมีภัณฑ์ที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการเกษตร
และให้หมายความรวมถึงเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรค หรือจำกัดแมลง สัตว์หรือพืชที่อาจก่อ
ความเสียหายแก่การเกษตรด้วย
	“เจ้าของความลับทางการค้า”  หมายความว่า  ผู้ค้นพบ คิดค้น รวบรวม หรือสร้างสรรค์ข้อ
มูลการค้าที่เป็นความลับทางการค้าโดยมิได้เป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าของผู้อื่น  หรือ
ผู้มีสิทธิโดยชอบในผลการทดสอบหรือข้อมูลการค้าที่เป็นความลับทางการค้า  และให้หมายความรวมถึง
ผู้รับโอนสิทธิตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย
	“ผู้ควบคุมความลับทางการค้า”  หมายความว่า  เจ้าของความลับทางการค้า และให้
หมายความรวมถึงผู้ครอบครอง ควบคุม หรือดูแลรักษาความลับทางการค้าด้วย
	“ศาล”  หมายความว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามกฎหมาย
ว่าด้วยการจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สิน
สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
	“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการความลับทางการค้า
	“กรรมการ”  หมายความว่า กรรมการความลับทางการค้า
	“พนักงานเจ้าหน้าที่”  หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราช
บัญญัตินี้
	“อธิบดี”  หมายความว่า  อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่ง
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญามอบหมายด้วย
	“รัฐมนตรี”  หมายความว่า  รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

	มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
พาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจ
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่  กับออกกฎกระทรวงและระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง
	กฎกระทรวงและระเบียบนั้น  เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
				
	หมวด 1
	การคุ้มครองความลับทางการค้า

	มาตรา 5 ความลับทางการค้านั้นย่อมโอนให้แก่กันได้
	เจ้าของความลับทางการค้ามีสิทธิที่จะเปิดเผย เอาไป หรือใช้ซึ่งความลับทางการค้า หรือ
อนุญาตให้บุคคลอื่นเปิดเผย เอาไป หรือใช้ซึ่งความลับทางการค้า  โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใด
เพื่อรักษาความลับทางการค้าดังกล่าวให้เป็นความลับต่อไปก็ได้
	การโอนความลับทางการค้าตามวรรคหนึ่ง  ซึ่งมิใช่ทางมรดกต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือ
ชื่อผู้โอนและผู้รับโอน  ถ้าไม่ได้กำหนดระยะเวลาในสัญญาโอน  ให้ถือว่าเป็นการโอนมีกำหนดระยะเวลา
สิบปี

	มาตรา 6 การละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าตามพระราชบัญญัตินี้  ได้แก่ การกระทำ
ที่เป็นการเปิดเผย เอาไป หรือใช้ซึ่งความลับทางการค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของความ
ลับทางการค้านั้น  อันมีลักษณะขัดต่อแนวทางปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ที่สุจริตต่อกัน  ทั้งนี้ ผู้ละเมิดจะ
ต้องรู้ หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดต่อแนวทางปฏิบัติเช่นว่านั้น	
	การกระทำที่มีลักษณะขัดต่อแนวทางปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ที่สุจริตต่อกันตามวรรคหนึ่ง
หมายความรวมถึงการผิดสัญญา  การละเมิดหรือการกระทำในประการที่เป็นการจูงใจให้ละเมิด
ความลับอันเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน การติดสินบน การข่มขู่ การฉ้อโกง การลักทรัพย์ การรับของ
โจร หรือการจารกรรม โดยใช้วิธีทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใดด้วย

	มาตรา 7 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้แก่ความลับทางการค้า  มิให้ถือว่าเป็น
การละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า
	(1)   การเปิดเผย หรือใช้ซึ่งความลับทางการค้าโดยบุคคลที่ได้ความลับทางการค้านั้นมา
โดยทางนิติกรรม  โดยไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าความลับทางการค้านั้น  คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งได้
มาโดยการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าของบุคคลอื่น
	(2)   การเปิดเผยหรือใช้ซึ่งความลับทางการค้าโดยหน่วยงานของรัฐซึ่งดูแลรักษาความลับ
ทางการค้านั้นในกรณีดังต่อไปนี้
	        (ก)   ในกรณีจำเป็นเพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยหรือความปลอดภัยของสาธารณชน
หรือ
	        (ข)   ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่นซึ่งมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ
ค้า และในกรณีดังกล่าว  หน่วยงานของรัฐซึ่งดูแลรักษาความลับทางการค้านั้น หรือหน่วยงานของ
รัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ความลับทางการค้านั้นไป  ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อคุ้มครอง
ความลับทางการค้าดังกล่าวจากการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ที่ไม่เป็นธรรม
	(3)   การค้นพบโดยอิสระ  ซึ่งได้แก่การค้นพบความลับทางการค้าของผู้อื่น  โดยผู้ค้นพบ
ได้ใช้วิธีการประดิษฐ์หรือจัดทำขึ้นด้วยความรู้ความชำนาญของผู้ค้นพบนั้นเอง หรือ
	(4)   การทำวิศวกรรมย้อนกลับ  ซึ่งได้แก่การค้นพบความลับทางการค้าของผู้อื่น  โดยผู้
ค้นพบได้ทำการประเมินและศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป  เพื่อค้นคว้าหาวิธีที่
ผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการประดิษฐ์ จัดทำ หรือพัฒนา แต่ทั้งนี้  บุคคลซึ่งทำการประเมินและศึกษา
วิเคราะห์ดังกล่าวจะต้องได้ผลิตภัณฑ์เช่นว่านั้นมาโดยวิธีที่สุจริต
	การกระทำตาม (4)  ไม่อาจถูกยกขึ้นกล่าวอ้างได้  ถ้าบุคคลซึ่งทำวิศวกรรมย้อนกลับดัง
กล่าวได้ทำสัญญากับเจ้าของความลับทางการค้าหรือผู้ขายผลิตภัณฑ์ที่ทำวิศวกรรมย้อนกลับไว้
เป็นอย่างอื่นโดยชัดแจ้ง

	มาตรา 8 เมื่อมีหลักฐานโดยชัดแจ้งว่าผู้ใดละเมิดหรือกำลังจะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
อันเป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า ผู้ควบคุมความลับทางการค้าที่ถูก หรือกำลังจะถูก
ละเมิดสิทธินั้นมีสิทธิดังต่อไปนี้
	(1)   ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นระงับหรือละเว้นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า
นั้นเป็นการชั่วคราว และ
	(2)   ฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งห้ามมิให้ผู้นั้นละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า  และ
ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าได้
	การใช้สิทธิตาม (1)  อาจกระทำได้ก่อนการฟ้องคดีตาม (2)

	มาตรา 9 ก่อนที่จะใช้สิทธิตามมาตรา 8  ผู้ควบคุมความลับทางการค้าที่ถูก  หรือกำลัง
จะถูกละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าและคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งอาจตกลงกันเพื่อขอให้คณะกรรมการ
ทำการไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมข้อพิพาทเกี่ยวกับความลับทางการค้าได้  แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิ
ผู้ควบคุมความลับทางการค้านั้นและคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่จะนำข้อพิพาทไปสู่การพิจารณาของ
อนุญาโตตุลาการหรือนำคดีไปสู่ศาลหากการไกล่เกลี่ยหรือการประนีประนอมข้อพิพาทดังกล่าว
ไม่อาจตกลงกันได้
	การยื่นคำขอและวิธิพิจาณาในการไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมข้อพิพาทของคณะ
กรรมการตามวรรคหนึ่ง  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

	มาตรา 10 ห้ามมิให้ฟ้องคดีละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าเมื่อพ้นกำหนดสามปีนับแต่
วันที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าที่ถูกละเมิดสิทธิรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิด แต่ทั้งนี้
ต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่มีการละเมิด
		                               
	หมวด 2
	การพิจารณาคดีเกี่ยวกับความลับทางการค้า

	มาตรา 11 เมื่อผู้ควบคุมความลับทางการค้าฟ้องคดีขอให้ศาลพิจารณาออกคำสั่งตาม
มาตรา 8 (2)  หากศาลวินิจฉัยว่ามีการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า  แต่มีพฤติการณ์พิเศษที่
ไม่สมควรออกคำสั่งตามคำขอได้  ศาลอาจพิจารณากำหนดให้ผู้ละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า
เสียค่าตอบแทนในจำนวนที่เหมาะสมและกำหนดให้ผู้นั้นใช้ความลับทางการค้านั้นต่อไปได้ตาม
กำหนดเวลาที่ศาลเห็นสมควรได้
	ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งตามมาตรา 8 (2)  ห้ามมิให้มีการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า
นั้นต่อไปอีก  ถ้าความลับทางการค้านั้นได้ถูกเปิดเผยเป็นการทั่วไปหรือได้สิ้นสภาพการเป็นความลับ
ทางการค้าในภายหลัง  ให้ผู้ซึ่งถูกศาลสั่งห้ามมิให้ละเมิดสิทธิในความลับทางการค้ามีสิทธิยื่นคำขอ
ให้ศาลยกเลิกคำสั่งเช่นว่านั้นได้
	ในคำขอให้ศาลมีคำสั่งตามมาตรา 8 (2)  ผู้ควบคุมความลับทางการค้าจะขอให้ศาลสั่ง
ทำลายหรือริบสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้ใช้ในการละเมิดสิทธิในความลับ
ทางการค้าด้วยก็ได้
	ผลิตภัณฑ์ที่ได้ทำขึ้นจากการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าและยังเป็นกรรมสิทธิ์ของ
ผู้ละเมิดให้ตกเป็นของแผ่นดินหรือของผู้ควบคุมความลับทางการค้าตามที่ศาลมีคำสั่ง  หรือถ้าการ
มีผลิตภัณฑ์นั้นไว้เป็นความผิดตามกฎหมาย  ศาลจะสั่งให้ทำลายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเสียก็ได้

	มาตรา 12 ในกรณีที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าที่ความลับทางการค้านั้นมีลักษณะ
เป็นกรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์ฟ้องผู้ละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าเป็นคดีแพ่ง  ถ้าผู้ควบคุม
ความลับทางการค้าพิสูจน์ได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ละเมิดผลิตมีความเหมือนกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้
กรรมวิธีการผลิตที่เป็นความลับทางการค้าของตน  ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ละเมิดได้ใช้ความลับ
ทางการค้านั้นในการผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว  เว้นแต่ผู้ละเมิดจะพิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างอื่น

	มาตรา 13 ในการกำหนดค่าสินไหมทดแทนเมื่อมีการฟ้องคดีตามมาตรา 8  (2) ศาลมี
อำนาจกำหนดตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
	(1)   นอกจากกำหนดค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
ศาลอาจมีคำสั่งให้ผู้ละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าคืนผลประโยชน์ที่ได้จาก  หรือเนื่องจากการ
ละเมิดโดยคิดรวมเข้าไปในค่าสินไหมทดแทนได้
	(2)   ในกรณีที่ไม่อาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนตาม (1)  ได้  ให้ศาลกำหนดค่าสินไหม
ทดแทนให้แก่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร
	(3)   ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่าการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าเป็นการ
กระทำโดยจงใจหรือมีเจตนากลั่นแกล้ง  เป็นเหตุให้ความลับทางการค้าดังกล่าวสิ้นสภาพการเป็น
ความลับทางการค้าให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นจาก
จำนวนที่ศาลกำหนดตาม (1) หรือ (2)  ได้  แต่ต้องไม่เกินสองเท่าของค่าสินไหมทดแทนตาม (1)
หรือ (2)

	มาตรา 14 การใช้สิทธิทางศาลเพื่อคุ้มครองความลับทางการค้าและการพิจารณาคดี
เกี่ยวกับความลับทางการค้านอกจากที่ได้บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตาม
กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ  และวิธีพิจารณา
คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

	หมวด 3
	การดูแลรักษาความลับทางการค้าโดยหน่วยงานของรัฐ

	มาตรา 15 ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ผู้ขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขายซึ่ง
ยาหรือเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรที่ใช้สารเคมีชนิดใหม่  ต้องเสนอข้อมูลประกอบคำขออนุญาตต่อ
หน่วยงานของรัฐ  หากข้อมูลนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นความลับทางการค้าซึ่งมีลักษณะเป็น
ผลการทดสอบหรือข้อมูลอื่นใดที่การจัดทำ ค้นพบ หรือสร้างสรรค์ ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
และผู้ขออนุญาตได้ขอจดแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดูแลรักษาความลับทางการค้าดังกล่าวด้วย  ให้
หน่วยงานของรัฐดังกล่าวมีหน้าที่ดูแลรักษาความลับทางการค้านั้นจากการเปิดเผย เอาไป หรือใช้
ในเชิงพาณิชย์ที่ไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
	ระเบียบตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้
	(1)   เงื่อนไขในการขอจดแจ้งให้ดูแลรักษาความลับทางการค้าต่อหน่วยงานของรัฐ
	(2)   รายละเอียดของผลการทดสอบหรือข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้านั้น
	(3)   กำหนดเวลาในการดูแลรักษาความลับทางการค้า
	(4)   วิธีการจัดเก็บความลับทางการค้าโดยคำนึงถึงประเภทของเทคโนโลยี และผลการ
ทดสอบหรือข้อมูลที่เป็นความลับด้วย และ
	(5)   หน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดูแลรักษาความลับทาง
การค้า

	หมวด 4
	คณะกรรมการความลับทางการค้า

	มาตรา 16 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการความลับทางการค้า”
ประกอบด้วย
	(1) ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ
	(2) อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นรองประธานกรรมการ
	(3) อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นกรรมการ
	(4) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ
และประสบการณ์ในสาขาเกษตรศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นิติศาสตร์ พาณิชยศาสตร์
แพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ อุตสาหกรรม หรือสาขาอื่นใด
ที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้จำนวนไม่เกินสิบเอ็ดคน โดยในจำนวนนี้ให้แต่งตั้ง
ผู้ทรงคุณวุฒิในภาคเอกชนอย่างน้อยหกคน
	ให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ*
	(*มาตรา 16 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา  17 (ยกเลิก)*
	(*มาตรา 17 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา 18 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี
	ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
กรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้
ดำรงตำแหน่งแทนหรือเพิ่มขึ้น อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
	เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่า
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
	กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่ง
ติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้*
	(*มาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา 19 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
	(1) ตาย
	(2) ลาออก
	(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
	(4) บกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถ
	(5) เป็นบุคคลล้มละลาย
	(6) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
	(7) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำ หรับความผิดที่ได้
กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ*
	(*มาตรา 19 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา 20 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
	ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจ
ปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการ
ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน
ในที่ประชุม*
	การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก  กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการ
ลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน  ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
	กรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้กรรมการผู้นั้นเข้าร่วมประชุมในเรื่อง
ดังกล่าว*
	(*วรรคสองและวรรคสี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา 21 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
	(1)   เสนอความเห็นเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองความลับทางการค้า
และนโยบายเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการค้าต่อรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงพาณิชย์เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี
	(2)   ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงและระเบียบตามพระ
ราชบัญญัตินี้
	(3)   ไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมข้อพิพาทเกี่ยวกับความลับทางการค้าตามที่คู่กรณีร้อง
ขอ
	(4)   ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

	มาตรา 22 คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณา วินิจฉัย หรือปฏิบัติ
การอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้
	ให้นำมาตรา 20  มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

	มาตรา 23 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้  เว้นแต่กรณีตามมาตรา 21 (3)  ให้
คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือข้อมูล หรือให้ส่งเอกสาร
หรือวัตถุใด ๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น
	คำสั่งตามวรรคหนึ่ง  ต้องระบุรายละเอียดให้ชัดแจ้งว่าคณะกรรมการประสงค์จะให้บุคคล
ดังกล่าวมาให้ถ้อยคำหรือข้อมูล หรือส่งเอกสารหรือวัตถุเพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องใด

	มาตรา 24 หนังสือเรียก หนังสือแจ้ง หรือหนังสืออื่นใด ที่มีถึงบุคคลใดเพื่อปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตินี้  ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ณ ภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ หรือสถานที่ทำ
การของบุคคลนั้น หรือโดยวิธีการอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
	ในกรณีที่ไม่สามารถส่งตามวิธีดังกล่าวในวรรคหนึ่งได้  หรือบุคคลนั้นออกไปนอกราชอาณา
จักรให้ใช้วิธีปิดหนังสือดังกล่าวในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย  ณ ภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ หรือสถานที่ทำการของบุคคลนั้น
หรือที่บ้านที่บุคคลนั้นมีชื่อยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย  หรือจะ
โฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้
	เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว  ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือนั้นแล้ว
	วิธีการส่งหนังสือเรียก หนังสือแจ้ง หรือหนังสืออื่นใด ๆ และสิทธิในการโต้แย้งของผู้มีส่วน
ได้เสียให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด  โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

	มาตรา 25 ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญามีอำนาจหน้าที่ในการแฏิบัติงานโดยทั่วไปเกี่ยวกับ
ความลับทางการค้าตราพระราชบัญญัตินี้  และรับผิดขอบงานธุรการ งานประชุม การศึกษาหาข้อมูลและ
ดำเนินกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการ  ตลอดจนดำเนินการให้เป็นไปตามมติของ
คณะกรรมการ ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้  และปฏิบัติ
งานอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

	มาตรา 26 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการเป็นเจ้าพนักงานตามประมวล
กฎหมายอาญา*
	(*มาตรา 26 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	หมวด 5
	พนักงานเจ้าหน้าที่

	มาตรา 27 ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีอาญาตามพระราชบัญญัตินี้  ให้พนักงานเจ้า
หน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้
	(1)   เข้าไปในอาคาร สถานที่ทำการ สถานที่ผลิต สถานที่เก็บสินค้าหรือยานพาหนะใด
เพื่อตรวจค้น หรือตรวจสอบ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของที่ได้มา  หรือได้ผลิตขึ้นโดยการ
กระทำความผิด หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้  ประกอบกับมีเหตุอันควร
เชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้  เอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทำความ
ผิดจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน  ทังนี้  ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก  หรือ
ในเวลาทำการของสถานที่นั้น
	(2)   ยึดหรืออายัดเอกสาร  หรือสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดได้ไม่เกินสามเดือน
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามพระราช
บัญญัตินี้

	มาตรา 28 ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่  ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความ
สะดวกตามสมควร

	มาตรา 29 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 27  พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำ
ตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
	บัตรประจำตัวตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราช
กิจจานุเบกษา

	มาตรา 30 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้า
พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

	หมวด  6
	บทกำหนดโทษ

	มาตรา 31 ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 27 ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

	มาตรา 32 ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา
28 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

	มาตรา 33 ผู้ใดเปิดเผยความลับทางการค้าของผู้อื่นให้เป็นที่ล่วงรู้โดยทั่วไปในประการที่
ทำให้ความลับทางการค้านั้นสิ้นสภาพการเป็นความลับทางการค้า  โดยเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้ควบคุม
ความลับทางการค้าได้รับความเสียหายในการประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะกระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
การกระจายเสียง หรือการแพร่ภาพ หรือการเปิดเผยด้วยวิธีอื่นใด  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

	มาตรา 34 ผู้ใดโดยเหตุที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ในการดูแลรักษาความลับทางการค้าตามระเบียบ
ที่ออกตามความในมาตรา 15 วรรคหนึ่ง เปิดเผยหรือใช้ความลับนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น
โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ*
	(*มาตรา 34 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา 35 ผู้ใดเปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของผู้ควบคุมความลับทางการค้าอันเป็น
ข้อเท็จจริงที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ซึ่งตนได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากการปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เว้นแต่เป็นการเปิดเผยในการปฏิบัติราชการ หรือเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี*
	ผู้ใดได้มาหรือล่วงรู้ข้อเท็จจริงใดจากบุคคลตามวรรคหนึ่งเนื่องในการปฏิบัติราชการหรือ
การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี  แล้วเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น  ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
	(*วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558)

	มาตรา 36 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล  ถ้าการกระทำความผิดของนิติ
บุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการ การกระทำ หรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ
ของกรรมการผู้จัดการ  หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น  ผู้นั้นต้องรับ
โทษตามที่บัญญัติไว้ สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

	มาตรา 37  ความผิดตามมาตรา 33 และมาตรา 36  เป็นความผิดอันยอมความได้

	มาตรา 38 ความผิดตามมาตรา 33 และมาตรา 36  คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบ
และในการนี้  ให้คณะกรรมการมีอำนาจมอบหมายให้คณะอนุกรรมการ อธิบดี พนักงานสอบสวน
หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเปรียบเทียบได้  โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ
หรือเงื่อนไขประการใด ๆ ให้แก่ผู้รับมอบหมายตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้
	ภายใต้บังคับวรรคหนึ่ง  ในการสอบสวน  ถ้าพนักงานสอบสวน  พบว่าบุคคลใดกระทำ
ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้  และบุคคลนั้นยินยอมให้เปรียบเทียบ  ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่อง
มายังคณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่งภายในเจ็ดวัน
นับแต่วันที่ผู้นั้นแสดงความยินยอมให้เปรียบเทียบ
	เมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กำหนด
แล้วให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
	ถ้าผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ  หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับ
ภายในระยะเวลาที่กำหนด  ให้ดำเนินคดีต่อไป

	บทเฉพาะกาล

	มาตรา 39 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การเปิดเผย เอาไป หรือใช้ซึ่งความลับทาง
การค้าก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
	สินค้าซึ่งผลิต นำเข้า หรือส่งออกก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  และเป็นสินค้าที่ฝ่า
ฝืนพระราชบัญญัตินี้  ให้ผู้ครอบครองขายหรือส่งออกได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้
ใช้บังคับ
-
 	ผู้สนองพระบรมราชโองการ
	พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
	นายกรัฐมนตรี
--
	ร.จ. เล่ม 119 ตอนที่ 36 ก
	23 เมษายน 2545
-
หมายเหตุ
	เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้  คือ  โดยประเทศไทยมีนโยบายในการส่งเสริม
การประกอบธุรกิจให้เป็นไปอย่างเสรี และป้องกันมิให้เกิดการกระทำอันไม่เป็นธรรมในการประกอบ
ธุรกิจ  ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของประเทศไทยยังไม่ครอบคลุมถึงความ
รับผิดในการละเมิดความลับทางการค้าจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
-

Leave a Reply