คําพิพากษาฎีกาที่ 4265/2561
เนติฯ
คู่กรณี
ผู้ร้อง
พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิด
เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ผู้ต้องหา
นายวัฒนา เมืองสุข
-
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 193 อุทธรณ์ฎีกา
-
ข้อมูลย่อ
คําสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคําร้อง
ของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 71 ประกอบมาตรา 66 ไม่ใช่เรื่องที่กฏหมายมีความ
ประสงค์จะให้ผู้ต้องหายื่นอุทธรณ์คัดค้านได้ ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา มาตรา 193 ผู้ต้องหาจึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์
-
รายละเอียด
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 ศาลชั้นต้นมี
คําสั่งอนุญาตให้ขังผู้ต้องหามีกําหนด 12 วัน ไว้เพื่อดําเนินการ
สอบสวนดําเนินคดีผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2) (3) (5)
ผู้ต้องหาอุทธรณ์คําสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขังผู้ต้องหา
ตามคําร้องของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ต้องหา
ผู้ต้องหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของ
ผู้ต้องหาว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคําสั่งอนุญาตให้ขังผู้ต้องหามีกําหนด12 วัน
ตามคําร้องของผู้ร้อง ผู้ต้องหามีสิทธิยื่นอุทธรณ์คําสั่งศาลชั้นต้น หรือไม่
เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
134 วรรคห้าบัญญัติว่า “เมื่อได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถ้าผู้ต้องหา
ไม่ใช่ผู้ถูกจับและยังไม่ได้มีการออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวน
เห็นว่ามีเหตุที่จะออกหมายขังผู้นั้นได้ตามมาตรา 71 พนักงานสอบสวน
มีอํานาจสั่งให้ผู้ต้องหาไปศาลเพื่อออกหมายขังโดยทันที กรณีเช่นว่า
นี้ให้นํามาตรา 87 มาใช้บังคับแก่การพิจารณาออกหมายขังโดย อนุโลม”
มาตรา 71 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อได้ตัวผู้ต้องหาหรือ จําเลยมาแล้ว
ในระยะใดระหว่างสอบสวนไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณา
ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาหรือจําเลยไว้ตามมาตรา 87 หรือมาตรา
88 ก็ได้ และให้นําบทบัญญัติในมาตรา 66 มาใช้บังคับโดยอนุโลม”
มาตรา 66 บัญญัติว่า “เหตุที่จะออกหมายจับได้มีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อ
มีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทําความผิดอาญาซึ่งมี
อัตราโทษจําคุกอย่างสูงเกินสามปี” ตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น
ให้อํานาจศาลที่จะขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนหากมีเหตุตามมาตรา
66 ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา
มาตรา 116 ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปี จึงเป็นกรณี
ที่ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา 71 ประกอบมาตรา 66 บทบัญญัติดังกล่าวเป็น
กระบวนการก่อนฟ้องซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องหาอยู่ในอํานาจของศาล
เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีตัวจําเลยในการพิจารณาคดีของศาลทั้งตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106 บัญญัติให้
ผู้ต้องหามีสิทธิยื่นคําร้องขอให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวได้อยู่แล้ว
แสดงให้เห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างชัดเจนว่า มีวัตถุประสงค์
จะให้กระบวนการยุติธรรมในชั้นฝากขังระหว่างสอบสวนเป็นอํานาจ
ของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและยุติไปในระดับศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ใช่
เรื่องที่กฏหมายมีความประสงค์จะให้ผู้ต้องหายื่นอุทธรณ์คัดค้าน
คําสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญามาตรา 193 ด้วยเหตุผลดังวินิจฉัยมาแล้ว ผู้ต้องหาจึงไม่มีสิทธิ
ยื่นอุทธรณ์คําสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคําร้อง
ของผู้ร้อง ที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ของผู้ต้องหาจึงชอบแล้ว ฎีกา
ผู้ต้องหาฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน
-
(นิพันธ์ ช่วยสกุล - อธิคม อินทุภูติ - ยงยุทธ แสงรุ่งเรือง)
องค์คณะผู้ตัดสิน
Leave a Reply