สัญญาประกันภัย
คดีศึกษา – ในสัญญาประกันภัยคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยต้องแถลงและเปิดเผยข้อความจริงต่อบริษัทผู้รับประกันภัยตามกฎหมาย
–
คดีศึกษา – สัญญาประกันภัยใช้หลักสุจริต คู่สัญญาซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยต้องแถลงและเปิดเผยข้อความจริงที่อาจจะจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นอีก หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาฯ ในคดีที่ศึกษานี้หากผู้รับประกันภัยทราบเรื่องที่ผู้เอาประกันภัยทำสัญญาไว้กับบริษัทต่างๆ ถึง 10 บริษัท และมีวงเงินที่เอาประกันภัยรวมสูงถึง 20,000,000 บาท แล้ว อาจเป็นเหตุให้ไม่รับทำประกันภัยได้ เมื่อไม่แถลงฯ สัญญาจึงเป็นโมฆียะ เมื่อบอกล้างตามกฎหมายสัญญาจึงเป็นโมฆะทำให้ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
–
———ตามคำขอเอาประกันอุบัติเหตุ มีคำถามว่า ท่านมีหรือได้ขอเอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลหรือประกันชีวิตไว้กับบริษัทอื่นหรือไม่ และมีช่องให้ขีด ไม่มีหรือมีหรือได้ขอ โปรดแจ้งบริษัทแล้วมีช่องว่างให้กรอก หากโจทก์มีความสุจริตใจ เมื่อเขียนชื่อบริษัทสามัคคีประกันภัยไปแล้วก็ยังสามารถเพิ่มเติมบริษัทอื่นอีกได้ ทั้งที่ได้ทำสัญญาประกันภัยไว้ก่อนถึง 10 บริษัท จำนวนเงินที่เอาประกันขณะนั้นเป็นเงินประมาณ 20,000,000 บาท แต่ที่โจทก์กลับแจ้งเพียงบริษัทเดียววงเงินประกันภัย 2,000,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่แตกต่างกันมาก หากจะระบุความจริงให้ครบถ้วนก็ย่อมทำได้เพียงระบุวงเงินที่ได้ทำสัญญาไปแล้ว จึงมิใช่เป็นเหตุที่ไม่อาจระบุความได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า จำเลยอาจตรวจสอบจากบริษัทอื่น ๆ ได้นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 ต้องการให้ผู้เอาประกันภัยแถลงและเปิดเผยข้อความจริง ถ้าไม่เปิดเผยข้อความจริงหรือแถลงข้อความอันเท็จไซร้ ซึ่งอาจจะจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นอีก หรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาแล้ว สัญญาประกันภัยนั้นย่อมเป็นโมฆียะ เมื่อโจทก์ทราบว่าตนเองนั้นได้ทำสัญญาประกันภัยไว้กับบริษัทต่างๆ ถึง 10 บริษัท และมีวงเงินที่เอาประกันภัยรวมสูงถึง 20,000,000 บาท แล้ว แต่กลับแจ้งให้จำเลยทราบเพียงบริษัทเดียวในวงเงินเพียง 2,000,000 บาท ซึ่งหากโจทก์ได้เปิดเผยข้อความจริงของโจทก์ทั้งหมดก็อาจจะทำให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาได้ การไม่เปิดเผยความจริงของโจทก์ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่เป็นสาระสำคัญในการพิจารณาในการรับทำสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้ง 2 ฉบับ ที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 เมื่อจำเลยได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
– กรณีศึกษาจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7650/2561
Leave a Reply